ยินดีต้อนรับ สู่โครงงานชาชัก:)

วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บันทึกความดีประจำวันศุกร์ ที่ 10 สิงหาคม 2556

1. ช่วยแม่ล้างจาน

2.ทำงานกวาดบ้านถูบ้าน

3.พาแม่ไปซื้อของที่ตลาด

4.พาน้องไปส่งที่ รร.

5.ช่วยยกของ

วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บันทึกความดีประจำวันศุกร์ ที่ 5 สิงหาคม 2556

1.ช่วยแม่ชื้อของที่ตลาด

2.ช่วยกวาดบ้านถูบ้าน

3.พาน้องไปส่งที่ รร.

4.ช่วยตากผ้า

5.ช่วยล้างจานที่บ้าน

ขอบคุณสตูล…ตำนานชาชักเมืองไทย

ขอบคุณสตูล ร้านชื่อเก๋ที่มีตำนานจากเดิมสมัยปู่ย่าตายายเรื่อยมาถึงรุ่นแม่เปิดร้านขายกาแฟอยู่ที่ตำบลเจ๊ะบิลัง หลังจากที่คุณหลิว (ลัคนา นวมสิริ)มีโอกาสไปเที่ยวมาเลเซียและได้เห็นชาชัก (Teh Tarik or Pulled Tea)ที่นั่น จึงเกิดความคิดที่จะทำธุรกิจนี้ โดยเริ่มแรกก็ให้เด็กเจ๊ะบิลังซึ่งเรียนวิธีชักชาจากลังกาวีมาสอนหลานชาย จากนั้นจึงเปิดร้านชาชักแห่งแรกที่หาดใหญ่ เนื่องจากเห็นว่าเป็นเมืองใหญ่เศรษฐกิจดี ลูกค้าให้การตอบรับดีเกินความคาดหมาย ต่อมาชาชักร้านขอบคุณสตูลได้แจ้งเกิดอย่างเป็นทางการจากการเข้าร่วมงาน OTOP ระดับประเทศที่เมืองทองธานีในปี 2546 โดยการชักชวนของสำนักงานพัฒนาชุมชนจ.สตูล หลังปี 2547 จึงเปิดร้านในบ้านเกิดตัวเองอีกแห่งที่ถนนตำมะหงอุทิศ ต.พิมาน อ.เมือง จ.สตูล
บรรยากาศเรียบง่ายของร้านขอบคุณสตูลที่เสิร์ฟเมนูไม่ธรรมดา
ชาชักรสชาติยอดนิยมของร้านขอบคุณสตูล
เป็นสูตรชาไทยผสมชามาเลย์
เติมนมสดโดยไม่ใช้น้ำตาลที่ต้องผสานลีลาการชักชาอันเป็นเอกลักษณ์ วันที่พวกเราไปแวะเยือนร้านขอบคุณสตูล ชายหนุ่มมือชักชาได้แสดงการชักชาแบบฉบับขอบคุณสตูลให้ชมเป็นการต้อนรับผู้มาเยือนอย่างคณะเรา น้องชายคนนี้ชักชาได้ถึงใจจริงๆ ชักได้ย้าวยาว (@.@) ยาวสุดแขนเลย แถมด้วยลีลาชักชาอ้อมหลังพร้อมด้วยลีลาหมุนรอบตัว ก็ยังไม่มีที่ท่าว่าชาจะแตกแถวออกนอกกาแต่อย่างใด ได้แต่กรูกันเข้ากระบอกชงชาโน้นออกกระบอกนี้อยู่ร่ำไป นี่ถ้าได้เพลงประกอบมันส์ๆเพิ่มเข้ามาสักหน่อยคงได้เปลี่ยนชื่อเป็นชาแร็พโย่ว ครองใจขาโจ๋อีกตรึม
ลีลาชักชาแบบฉบับขอบคุณสตูล
หลังจบสิ้นกระบวนท่าชักชาแล้ว ชานมร้อนๆควันฉุย ส่งกลิ่นหอมเตะจมูกถูกเทลงไปรวมกับน้ำแข็งที่นอนออกันอยู่ในแก้ว ฟองชาฟูฟ่องลอยอยู่ด้านบนราวกับเพิ่งผ่านเครื่องตีฟองมาหมาดๆ จากนั้นหนุ่มคนเดิมก็โชว์ลีลาผสมเครื่องดื่มชนิดใหม่ นั่นคือ ชีร้าบบันดุง (Bandung Drink) บันดุงเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตอีกชนิดหนึ่งในมาเลเซียสีชมพูแจ๊ด เป็นนมผสมน้ำหวานกลิ่นดอกกุหลาบ แต่ชีร้าบบันดุงที่ร้านขอบคุณสตูลมีความพิเศษยิ่งกว่านั้นตรงที่เครื่องดื่มชนิดนี้จะแยกเป็นสามชั้นให้เห็นเด่นชัด ชั้นล่างสุดคือนมสีขาวชั้นกลางเป็นนมสีชมพูและชั้นบนสุดคือฟองนมนุ่มที่ฟูฟ่องไม่ต่างจากฟองชาชักเนื่องจากใช้วิธีชักนมก่อนรินใส่แก้ว ฉันไม่ชอบความหวานของชีร้าบบันดุงแต่ตื่นเต้นกับรูปลักษณ์แปลกตาของนมกุหลาบสามชั้นแก้วนี้มากกว่า

    
                                                                 ลีลาชักนม        Teh Tarik and Bandung Drink
จบเรื่องเครื่องดื่มแล้วมาว่ากันต่อด้วยเรื่องอาหาร ที่นี่มีบริการทั้งอาหารมุสลิม อาหารไทยทั่วไปและอาหารอีสาน อาหารจานเด็ดของที่นี่ คือ โรตีกระเบื้องที่ต้องทานคู่กับชาชัก ของแท้ต้องแผ่นใหญ่ บางกรอบ ใหญ่กว่าจานที่รองแผ่นโรตีมาเสียอีก เมนูต่อมาคือ โรตีมะตะบะ (Roti Murtabak) คำว่า Murtabak หมายถึงพับหรือห่อ เป็นโรตีที่ห่อไส้ ไม่ว่าจะเป็นไก่สับ เนื้อสับผัดรวมกับไข่ไก่ หอมใหญ่ กระเทียมและเครื่องเทศ รับประทานคู่กับอาจาดหรือแกง โรตีของที่นี่ไม่ว่าจะเป็นเมนูของหวานหรือของคาวก็อร่อยไม่แพ้กัน

โรตีกระเบื้องและโรตีมะตะบะ (Roti Murtabak)
พวกเราตื่นตาตื่นใจกับการนำเสนอเมนูแต่ละรายการภายใต้บรรยากาศเรียบง่ายของร้านจนอาหารเกลี้ยงจานไม่รู้ตัว ว่ากันว่า "ถ้ามาเที่ยวสตูล แล้วไม่ได้ทานชาชักและโรตีของร้านขอบคุณสตูล ถือว่ายังมาไม่ถึงสตูล" ถ้าอย่างนั้นท้องที่อิ่มแปร้ไปด้วยโรตีสารพัดชนิดบวกกับชาชักและนมสามชั้นภายใต้สัญลักษณ์ลุงเท่งชักชาคงการันตีได้ว่าค่ำคืนนี้เรามาถึงสตูลกันแล้วแน่นอน

ของแท้
ต้องตราลุงเท่งชักชา

วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บันทึกความดีประจำวันศุกร์ ที่ 2 สิงหาคม 2556

1. ช่วยแม่ไปตลาดตอนเช้า

2.ไปส่งน้องที่โรงเรียน

3.ช่วยตากผ้า

4.ช่วยแม่กวาดบ้านถูบ้าน

5.ช่วยแม่ล้างจาน

วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

การชงชาชัก

        



            หลักการชงชาเบื้องต้น คือ ไม่ควรแช่ชานาน ปกติเรามักจะใส่ชาเติมน้ำร้อนแล้วก็แช่ทิ้งไว้ทั้งวันอยากดื่มเมื่อไหร่ก็รินน้ำชาใส่แก้ว แล้วดื่ม และถ้าน้ำชาไม่อุ่นก็เติมน้ำร้อนหน่อยให้อุ่นขึ้นใช่ไหมคะ? วิธีการเหล่านี้เองทำให้หลายคนดื่มชาแล้วรู้สึกว่าท้องผูก หรือ ตาค้างนอนไม่หลับ เพราะการแช่ชานานๆ ทำให้สารต่างๆ เช่น แทนนิน คาเฟอีน มีปริมาณมากเกินไป เป็นต้น
        การเรียนรู้จากคนรุ่นก่อนอาม้าอากงท่านทั้งหลายเป็นนักวิทยาศาสตร์จากประสบการณ์โดยตรง ภายหลังจึงได้มีการค้นพบว่า เมื่อเราแช่ชาในน้ำร้อนนานๆ แช่ชาเข้มๆ จะมีสารแทนนินออกมาในปริมาณมากพอที่จะไปฆ่าเชื้อโรคที่ทำให้เราท้องเสียได้ อาการท้องเสียก็จะหยุดไปเมื่อเราทานชาเข้มๆ นั่นเองค่ะ คราวนี้ชงชาให้ถูกวิธีและดื่มชาให้ถูกกับเวลาที่ควรดื่ม ชาก็จะมีแต่ประโยชน์แล้วจริงไหมคะ?
        สำหรับคาเฟอีน มีลูกค้าชาวฝรั่งเศส กลุ่มหนึ่งกล่าวว่า เค้ามักจะแช่ชานานๆ ให้รสเข้มๆ และดื่มยามบ่ายเพราะเค้าต้องการคาเฟอีนจากใบชา เพื่อทำให้เค้าสดชื่นในยามบ่าย เพื่อประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นในการทำงานของเค้า อืมม์ นี่ก็เป็นอีกแนวคิดสำหรับผู้ที่ต้องการดื่มชาเพื่อความสดชื่นอย่างธรรมชาติ
        
         ความคุ้นเคยในวิธีชงชาใบแบบเดิม ทำให้บางครั้งเราไม่ได้รับรสชาที่แท้จริง การชงชาแต่ละชนิดมีความเฉพาะที่แตกต่างจากหลักการเบื้องต้นไม่มากนัก แต่ก็มีความละเอียดอ่อนของตัวชาเอง ซึ่งการชงชาให้ได้รสอร่อยแบบง่ายๆ ได้ทั้งประโยชน์และประหยัดนั้นมีเคล็ดลับดังนี้ แยกตามวิธีการชงที่เหมือนกันในแต่ละชนิดนะ

ที่มาของชาชัก

การดื่มชาถือเป็นเรื่องที่สำคัญและมีความละเอียดอ่อนเกี่ยวข้องโยงใยกับประเพณีและวัฒนธรรมของมนุษย์ในหลากหลายเชื้อชาติทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออก เช่น ประเทศญี่ปุ่นมีการทำพิธีชงชา ซึ่งถือเป็นพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ที่มีการสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน เชื่อกันว่าการดื่มชาและร้านน้ำ ชามีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน คนตะวันตกเรียกชาว่า “ที” (tea) ซึ่งเชื่อว่า มาจากภาษาจีน ที่เรียกชาว่า “เต๊” (tay) โดยออกเสียงเป็น “เท” และ เพี้ยนมาเรื่อยๆจนกลายเป็น “ที” ส่วนชาวมาเลย์จะเรียกชา “teh” ออกเสียงว่า“เตฮ์” ซึ่งจะเห็นได้ว่าล้วนแต่มีการออกเสียงที่ใกล้เคียงกัน แต่ละชาติ แต่ละวัฒนธรรมต่างก็มีกรรมวิธีการชงชาที่แตกต่างกันออกไป พี่น้องมุสลิมทางภาคใต้มีการ ชงชาในแบบที่เรียกว่า “ชา ชัก” ซึ่งถือเป็นวัฒนธรรมการชงชาแบบมลายู

“Teh Tarik” หรือ “เตฮ์ ตาเระ” สำเนียงเสียงถิ่นมลายู ซึ่งหมายถึง “ชาชัก” เป็วัฒนธรรมการกินที่พบเห็นได้ทั่วไปแถบคาบสมุทรมลายูทั้งมาเลเซีย และอินโดนีเซีย อีกทั้งยังเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่อยู่คู่คนใต้มานาน ความโดดเด่นของเครื่องดื่มชนิดนี้อยู่ที่รสชาติที่เข้มข้น หอมหวาน กลมกล่อม ที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างชา กับ นมข้นและนมสด หรือนมแพะชงกับน้ำร้อน รวมถึงลีลาท่าทางการชงชาอันแปลกตาและมี เอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ทำให้ชาชักมีสีสันที่สวยงามไปด้วยองค์ประกอบสามชั้น ได้แก่ นม ชา และ ฟอง
 
การชงชาชัก อาศัยอุปกรณ์เพียงกระบอกชงชา 2 กระบอก และสองแขนที่แข็งขันสลับรับ-ส่งส่วนผสมในกระบอกชงให้ตรงจังหวะตามแรงโน้มถ่วงของพื้นโลก ด้วยท่วงท่าที่ชวนมอง กลายเป็น “ชา” (แต) ที่ถูก “ชักเย่อ” (ตาเระ) เพื่อให้ชานมเกิดฟอง และมีความยืดเหนียวเป็นสายยาว รสละมุนของฟองนมและลีลาท่าทางของคนชงชา เป็นเหมือนการแสดงสดเพื่อให้เห็นศิลปะของการชงชา จึงเป็นจุดสร้างความสนใจให้กับผู้พบเห็นได้ง่ายดาย

วิธีการชงชาชักเริ่มจากนำน้ำสะอาดใส่หม้อต้มให้เดือดจัด แล้วตวงผงชาตามสัดส่วนตามสูตรของแต่ละร้านใส่ลงไป ต้มแล้วลดไฟ จากนั้นเคี่ยวผงชาจนได้ที่ จากนั้นกรองเอากากชาออกให้หมด แล้วนำน้ำชาที่ได้มาใส่ภาชนะเตรียมไว้ เมื่อใส่ส่วน ผสมน้ำชา นมสด นมข้นหวาน ตามสัดส่วนลงในกระบอกชา ผู้ชงชาหรือชักชาจะถือกระบอกชาไว้ในมือทั้งสองข้างข้างละใบ จากนั้นจะเทชาจากมือบนสู่มือล่าง เป็นการ เทชากลับไปกลับมาระหว่างมือทั้งสองข้างโดยให้มือที่ถือกระบอกชาด้านหนึ่งอยู่ระดับสูงเหนือศีรษะสุดปลายแขน แล้วค่อยๆเทชาลงมาเป็นสาย น้ำชาจะพลิ้วสวยงาม ทิ้งตัวดิ่งสู่กระบอกชาใบล่างที่คอยรองรับอยู่ ทำเช่นนี้สลับไปมา 2 - 3 ครั้ง จนส่วนผสมทั้งหมดกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน ก็จะได้ชาที่มีฟองอากาศหอมกรุ่น รสชาตินุ่ม กลมกล่อมยิ่งขึ้น และอุ่นพอดีที่จะจิบพร้อมรับประทานกับโรตี เป็นคู่อาหารว่างตามแบบฉบับชาวไทยมุสลิมซึ่งเข้ากันลงตัวพอดี

สำหรับที่มาที่ไปของเครื่องดื่มชนิดนี้ตามตำนานเล่าขานกันมาว่าเกิดจากชายหนุ่มอิสลามที่เกิดใกล้ตะเข็บชายแดนที่มีความใฝ่ฝันจะเป็นเจ้าของร้านน้ำชาเขาจึงเดินทางเข้าไปหางานในประเทศมาเลเซีย และได้งานที่ร้านน้ำชาแห่งหนึ่ง ณ ที่นั่นเองที่เขาได้พบ และรู้จักกับลูกสาวแสนสวยของเจ้าของร้านจนกลายเป็นความรัก แต่กลับถูกกีดกันโดยพ่อแม่ของสาวเจ้า พร้อมกับสบประมาทชายผู้นี้อีกว่า
“รอให้ชักชาได้ไม่ขาดสายและฟาดโรตีให้เหมือนผีเสื้อบิน” เหมือนที่พ่อของหญิงคนรักทำได้เสียก่อนแล้วค่อยมาสู่ขอลูกสาว ด้วยแรงรักและความมุมานะที่อยากจะลบคำสบประมาท ทำให้เขาฝึกฝนการชักชาและฟาดโรตีด้วยความเพียรพยายามจนกระทั่งในที่สุดความพยายามของเขาก็ทำให้เขาประสบความสำเร็จจนกลายเป็น ชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีฝีมือในการชักชาได้สวยงาม และไม่ขาดสาย ฟาดโรตีได้แผ่กว้างและบินว่อนเสมือนท่วงทำนองขยับปีกของผีเสื้อที่สวยงามและสามารถชนะใจพ่อแม่ของสาวคนรัก และได้ครองคู่อยู่กับเธออย่างมีความสุข และชายหนุ่มก็ได้ให้สัญญากับสาวคนรักในคืนวันวิวาห์ว่า “พี่จะรักเธอให้เหมือนกับสายน้ำชา ซึ่งจะไม่มีวันขาดสาย” และนี่คือที่มาของเครื่องดื่มชักเย่อ...ตำนานสายใยแห่งความรัก

วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556

บันทึกความดีประจำวันศุกร์ ที่21 มิถุนายน 2556

1. ช่วยขนของตอนเช้า
2.กวาดขยะหน้าบ้าน
3.ร้องเพลงชาติตอนเช้า
4.สวดมนต์ตอนเช้า
5.ช่วยชื้อของที่ตลาด